001

หนังสือของเรานั้น ท่าน ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกเล่ม เราแบ่ง การเรียนรู้เป็น  2 แบบ คือ แบบมืออาชีพ
 
แบบมืออาชีพ คือ สำหรับไปประกอบอาชีพ
 
กับแบบเรียนรู้เพื่อซ่อม ของ ตนเอง    ( คือมีเครื่องมือในรุ่นนั้นๆ )

สำหรับแผ่น DVD   มีเพียงเเผ่นเดียว  คือ พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
 
เพียงแค่แผ่นเดียว  แต่ สามารถเรียนรู้ได้ เข้าใจได้โดยง่าย  หากไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้มาก่อน 
 
และ ต้องการเป็นมืออาชีพ  เราขอ แนะนำ เล่มที่  B 001  B 008  B 009  B 023   และ  B 027
 
เพราะ ห้าเล่มนี้ เมื่อ เรียนรู้จนเก่งแล้ว สามารถ รับงานซ่อมเองได้ 
 
และห้าเล่มที่แนะนำ    สามารถประยุกต์ในงานซ่อม ในรุ่นอื่นๆได้
 
และ เก่งทีเดียว  เรารับประกัน  เพราะ เราสอน ด้วยลำดับภาพ ประกอบ คำบรรยายภาพ 
 
เนื้อความในหนังสือ แบ่งออกเป็น สองส่วน คือส่วนของชุดมอเตอร์  และ ส่วนของชุดเกียร์
 
สำหรับ แผ่น VCD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า  เราเน้นหนักสาระ ทางด้านชุดมอเตอร์
 
เพื่อการวินิจฉัยว่า  ชิ้นส่วนไหนเสีย  หรือ ยังสามารถใช้งานได้  จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ 
 
ให้วุ่นวาย  เพื่อ ประหยัดเงิน  ในการซ่อม อย่างตรงจุด 
 
และ ลำดับภาพ ในหนังสือ เราเน้นหนักทางด้านชุดเกียร์  และ ประสบการณ์  ในการซ่อม
 
ยกตัวอย่าง เช่น  หาก สว่าน มีอาการอย่างนี้ ส่วนไหนเสีย จึงสามารถทำให้ การซ่อม

ได้อย่างตรงจุด แม่นยำ ประหยัดเวลาในการซ่อม   ตลอดจนประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อม

คำแนะนำในการสั่งซื้อหนังสือ

สำหรับ ผู้สนใจในการประกอบอาชีพ เป็นช่างซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า ที่เริ่มต้นใหม่

และ ยังไม่เคยมีพื้นฐานทางด้านการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน

ท่านสมควรสั่งซื้อหนังสือ เล่มที่ B001 , B009 , B008 , B023

เนื่องจาก หนังสือ สองเล่มนี้ ( B001 , B009 ) เหมาะสำหรับ ในการประกอบอาชีพ

เพราะท่านต้องประสบกับ งานซ่อมสว่านรุ่นดังกล่าว บ่อยครั้งมาก

เนื่องจากในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีน ผลิตเลียนแบบ สว่านโรตารี่

ยี่ห้อ BOSCH ซึ่งผลิตมาจากประเทศเยอรมันจึงมีสินค้าหลากหลายยี่ห้อ ขนาดและรูปทรงของชิ้นส่วนอะไหล่

เหมือนกันกับสว่าน BOSCH รุ่น UBH 2/20  และ  GBH 2 SE    สามารถใส่อะไหล่แท้ ของ BOSCH ได้ 

สว่านรูปทรงนี้จึงมีเป็นจำนวนมากในท้องตลาด เช่นยี่ห้อ  YOCA , MASAWA , OKURA , SAMTO , BUSS ,

PUMKLIN , ALBERT , NAZA , NAKOYA ,ANATA , HAMLER และยี่ห้ออื่นๆอีกมากท่านสามารถ

   ซ่อมสว่านโรตารี่ที่มีรูปทรงตามหน้าปกของหนังสือสองเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน

เราขอรับประกันว่า หากท่านอ่านหนังสือของเราแล้วปฏิบัติงานซ่อม ไม่ได้เรายินดีคืนเงิน

ทุกบาททุกสตางค์


สำหรับหนังสือเล่ม B 008

ทำไมท่านต้องซื้อหนังสือเล่มนี้


   หนังสือเล่มนี้นำเสนอการซ่อมสว่านไฟฟ้า   ที่มีราคาค่อนข้างถูก  ราคาตัวละ  สอง – สามร้อยบาท

  จึงสามารถทำให้ท่านได้รับความรู้ ไปประยุกต์  ในการซ่อม สว่านไฟฟ้าราคาแพงๆ  ตัวละสาม – สี่พันบาท


 เพราะ เนื่องจากสว่านตัวละ สาม – สี่พันบาทนั้น ก็มีหลักการทำงานของสว่านไฟฟ้า ตัวละสอง – สามร้อยบาท เหมือนกัน   

ในหนังสือเล่มนี้ ใช้ตัวอย่างเพียงแค่ ตัวเดียว  และ ยี่ห้อเดียวก็จริง  

 แต่ เป็นการสกัดเอาหลักแห่งการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า 

 
    ซึ่งเป็นพื้นฐานในการซ่อม เครื่องมือไฟฟ้าทั้งปวงเลยก็แทบจะว่าได้ 


    เพราะฉะนั้น  การนำเสนอในการซ่อมสว่านที่มีราคาถูกๆ

จึงเหมาะสำหรับ

การฝึกหัดฝีมือ ของท่าน


สำหรับหนังสือเล่ม B 023

เป็นหนังสือเกี่ยวกับการพันฟิลคอยด์ ของเครื่องมือไฟฟ้า

ฟิลคอยด์ เป็นชิ้นส่วนอันสำคัญของเครื่องมือไฟฟ้า แต่เราสามารถ ซ่อมมันขึ้นมา โดยพันใหม่ได้

การเป็นช่างมืออาชีพนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพันฟิลคอยด์ ให้ได้ ท่านจึงสมควรซื้อหนังสือเล่มนี้


สำหรับหนังสือเล่มที่ 27

ภายในเล่มบรรจุ วีธีการตรวจเช็คอาการช๊อตรอบของฟิลคอยด์ แบบตรวจเช็คได้อย่างแม่นยำ และ ใช้เครื่องมือ

   ที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด    แม้แต่ผู้เขียนยังค้นพบวิธีนี้ด้วยความบังเอิญ แต่ได้ผล แม่นยำ 100 %

   ตลอดจนการสร้างเครื่องมือ สำหรับไว้ใช้งาน สำหรับท่านที่ต้องการเป็นช่างมืออาชีพ

เล่มนี้จึงเป็นเล่มที่สำคัญ อีกเล่มหนึ่ง


สำหรับหนังสือเล่มอื่นๆนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ ผ่านการศึกษาตำราทั้งห้าเล่มมาแล้ว ภายในเล่มบรรจุ

ประสบการณ์ต่างๆ ในการแก้ปัญหาที่เกิดเครื่องกับเครื่อง ในรุ่นนั้นๆ

สามารถทำให้ประหยัดเวลาแและ ค่าใช้จ่าย ในการซ่อมของท่านได้ ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเช่น

การดัดแปลงในการซ่อมสว่านโรตารี่ BOSCH รุ่น GBH 2-18 E , RE

การดัดแปลงโดยไม่ให้เป็นอันตรายกับเครื่อง

( ไปที่บทความทางเทคนิค )

กลับหน้าหลัก I ไปต่อแนะนำสินค้ามาใหม่

เราขอรับประกันว่า หากท่านอ่านหนังสือของเราแล้วปฏิบัติงานซ่อม ไม่ได้เรายินดีคืนเงิน

ทุกบาททุกสตางค์


สำหรับการสั่งซื้อหนังสือ เทคนิคการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
ให้ท่่านโอนเงินเข้ามาในบัญชี


ธนาคาร ธนชาติ จำกัด     บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 517 - 2 - 02276 - 8
                   สาขาย่อยโฮมโปร พิษณุโลก

ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด  บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 403 – 2 – 25342 -9

          สาขา ถนน สายเอเชีย 

หลังจากนั้น โทรศัพท์แจ้งการโอนเงินมาที่  081-7075038  หรือ  056-310760

หรือแจ้งให้เราทราบทางอีเมลล์  เมื่อเราตรวจสอบแล้วถูกต้อง

เราจะจัดส่งหนังสือไปให้


ตามที่อยู่ที่ท่านแจ้งมายังอีเมลล์ของเรา กรุณาอย่าพิมพ์ ชื่อที่อยู่ของท่านผิดพลาด  เด็ดขาด


กรุณาตรวจสอบที่อยู่ของท่าน ให้ถูกต้อง

หากท่านไม่สะดวก ส่งที่อยู่มาทาง อีเมลล์  กรุณา โทรแจ้ง ที่อยู่ของท่านได้ที่เบอร์    056-310760 

การโอนเงิน กรุณา โอนเงินมา เป็น เศษสตางค์ด้วยครับ


เพราะทำให้เราตรวจสอบได้ง่าย

เพราะมีรายการโอนเงินในแต่ละวัน  ที่ยอดโอนเงินจากทั่วประเทศ

 มันเท่ากัน ทำให้เราตรวจสอบลำบาก

ถ้าสมมุติว่าท่านสั่งซื้อคือ หนังสือ เล่มที่ 1,8,9,23,27

จำนวนเงิน คือ 1000 บาท  ค่าขนส่ง 150 EMS  รวมเป็น 1150 บาท

เวลาโอน โอน 1150 .33  บาท   อย่างนี้เช็คง่าย ว่าใครโอนมาครับ


สำหรับทุกท่านที่สั่งซื้อหนังสือกับเรา


เรามีความยินดียิ่งที่ท่าน ก้าวเข้าสู่เส้นทางในอาชีพเดียวกันกับเรา   ท่านได้เข้ามาในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว  งานซ่อมเครื่องมือไฟฟ้านั้น

  เป็นงานและเป็นอาชีพที่ดี  ทีเดียว   ไม่มีใครในโลกไม่ใช้เครื่องมือ   ในความคิดของนักกฎหมาย นั้นเปรียบเทียบ  กฎหมายนั้น 

เปรียบเสมือนกับเครื่องมือ  ที่ใช้ในการควบคุมกลไกในสังคม   แต่แท้จริงแล้ว   กฏหมายนั้น หาใช่เครื่องมืออย่างแท้จริง

ในแง่ของการทุ่นแรงของมนุษย์ในการทำงานแต่อย่างใดไม่   เป็นเพียงแต่คำเปรียบเปรย    เครื่องมือที่แท้จริงคือ

สิ่งที่  ทุ่นแรงของมนุษย์   ในการทำงานต่างๆ 


สิ่งที่เรากล่าวถึง  จงจำไว้ว่า  ไม่มีใครในโลกไม่ใช้เครื่องมือ   และ เราคือช่างซ่อม เครื่องมือไฟฟ้า


งานซ่อมเครื่องมือไฟฟ้านั้น  เป็นงาน และเป็นอาชีพที่ดี  ทีเดียว   ทำไมเราจึงกล่าวเช่นนี้

  
หากเราลองเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น เราจะเห็นได้ว่า  การประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า นั้นท่าน


ใช้เวลาในการศึกษาและ เรียนรู้ไม่นาน คือใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่น่าจะเกิน 3 เดือน ( กรณีนี้  ยังไม่ชำนาญ ) แต่ก็สามารถทำได้ 

หากชำนาญ คือ ประมาณ 1 ปี โดยทำทุกๆวัน และ ประสบการณ์ จะสั่งสมพอกพูนขึ้น   ซึ่งเป็นอาชีพที่ เป็นงานอิสระ 

และ ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา ในระดับสูง  ขอเพียงแต่อ่านหนังสือ ออก  ก็สามารถเรียนรู้ได้ หากเราเปรียบเทียบกับแพทย์  

ท่านลองคิดดูว่า  แพทย์ ต้องใช้ระยะเวลาเรียนกี่ปี่  กว่าจะเป็นแพทย์  คือ เริ่มนับตั้งแต่ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม1- ม3 

ใช้เวลา 3 ปี ระดับมัธยมปลาย อีก 3 ปี ม4 - ม6  เข้ามหาวิทยาลัย ในระดับแพทย์ปริญญา อีก 4 ปี  และ ศึกษาต่อเฉพาะทางอีก 2-3 ปี

และต้องทำงานใช้ทุนให้กับรัฐอีก 3-4 ปี ทั้งหมดกว่าจะประกอบอาชีพได้  ต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 13-15 ปี 


นี่คืออาชีพชั้นสูง ที่มีเกียรติในสังคม  


แต่ปัญหาของแพทย์ ที่ต้องพบ ในปัจจุบัน  คือระบบทุนนิยม  เราจะเห็นได้ว่า  แพทย์ ทุกวันนี้เป็น ลูกจ้างของโรงพยาบาลเอกชน 

โดยส่วนใหญ่  เพราะ เนื่องจากไม่มีทุน จำนวน เป็นร้อยล้าน  เพราะ  เครื่องมือแพทย์  อันแสนแพง  ที่ดินในการสร้างโรงพยาบาล

 โครงสร้างต่างๆ  ฉะนั้น ให้แพทย์ เก่งแค่ไหน  เก่งระดับใด   ย่อมต้องอาศัยเครื่องมือแพทย์อันทันสมัย ที่มีราคาแพง  

อาคารของโรงพยาบาล   อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ต่อผู้ป่วยต่างๆ  ข้าพเจ้าเคยถาม แพทย์ ผู้หนึ่ง  ซึ่งข้าพเจ้าไม่ขอเอ่ยนามในที่นี้

 ข้าพเจ้าถามเขาว่า  ถ้าจะเป็นเจ้าของกิจการ ในเส้นทางที่ได้เรียนรู้มา  คือ  เป็นเจ้าของโรงพยาบาล 

คุณหมอต้องใช้เงินสักเท่าไหร่   ในการเปิดโรงพยาบาล  เอกชน ที่มีคุณภาพ ระดับปานกลาง สักแห่งหนึ่ง 

คุณหมอ ผู้นั้นตอบว่า  เฉพาะ ที่ดินใจกลางเมือง ประมาณ 3 ไร่ ในจังหวัด ที่เจริญๆ ของประเทศไทย  ก็คงไม่ต่ำกว่า 15-20 ล้าน

นี่ยัง ไม่รวมค่าก่อสร้าง  ไม่รวมค่าแอร์  ค่าลิฟท์   ค่ารถฉุกเฉิน   ค่าเครื่องมือแพทย์  เครื่องเอ็กซเรย์  เครื่องฟอกไต  และ อื่นๆอีก 


ทั้งหมด ตอบแบบ ประมาณ คงไม่ต่ำกว่า 30 -50 ล้านบาท


 ทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากล่าว นี่คือ   การหลุดพ้นของการเป็นลูกจ้าง และเป็นเจ้าของกิจการในเส้นทางที่เรียนรู้มา


ในปัจจุบัน    เราจึงเห็นได้มากมายในสังคมว่า 


แพทย์ ที่มีเงินทุนจำนวนน้อย   คือ   เป็นผู้ที่มีความเก่ง  ความชำนาญในสายอาชีพ  แต่มีเงินทุนน้อย 


มักนิยมเปิดคลินิก  เพราะลงทุนน้อยกว่า 


แต่อาชีพช่าง ซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า     เครื่องมือที่เราใช้ ( ไม่รวมค่าอะไหล่ )


 มีราคาไม่แพงเหมือนดังกับ เครื่องมือแพทย์   คือ ค่าเครื่องมือไม่เกิน 3,000 บาท


และ ได้เป็นเจ้าของกิจการ  ของตนเอง  นึกอยากซ่อม ก็ซ่อม  อยากนอนก็นอน   อยากไปเที่ยวก็ไป   วันไหน


ขี้เกียจ ก็หยุด  ที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้  เพราะไม่มีมนุษย์ คนไหน ขยัน ทั้งชีวิต   ( ขออภัยที่ข้าพเจ้ากล่าวตรงๆ )


บางท่านอาจคิดว่า สิ่งที่เรียนรู้ง่ายๆ  แล้ว ประกอบอาชีพอย่างง่าย  แล้วมันจะร่ำรวยหรือ ?


 เช่น กรรมกร ที่ไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือ ใฝ่หาวิชาความรู้  ในระดับสูงๆ ที่สังคมนิยมกัน  ยกตัวอย่างเช่น  กรรมกร ขุดวงบ่อส้วม

ได้ค่าจ้างวงละ 50 บาท ขุดลงไปลึกลงในดิน  6 วง โดยขุดตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเย็น  เป็นเวลา 8 ชั่วโมง 

จำนวนเงินค่าจ้างที่ได้  300 บาท / วัน   ซึ่งแพทย์ ผู้ใช้เวลาร่ำเรียนมาเป็นสิบๆปี  แทงเข็มฉีดยา เข็มเดียว จึ๊กเดียว

ใช้เวลาไม่ถึง หนึ่งนาที 

ก็ได้ค่าแพทย์  400 บาท แล้ว ซึ่งกรรมกร ไม่ได้ใช้เวลา ร่ำเรียน เลย ตอนวัยเยาว์

.กรรมกร สบาย ไม่เรียน  ไม่เครียด  สบายตอนวัยเยาว์  แต่ลำบากตอนแก่ชรา 

เพราะสังคมทุกวันนี้ มุ่งมั่น ในทางวิชาความรู้ความสามารถ 

 
ข้าพเจ้าขอตอบว่า  นั่นเป็น ตัวเปรียบเทียบ ระหว่างอาชีพแพทย์ กับ กรรมกร

หาใช่ เปรียบเทียบ ระหว่างอาชีพแพทย์ กับ ช่างในสาขาต่างๆไม่ 

จริงๆแล้ว  แพทย์ กับ ช่าง ไม่แตกต่าง ทางด้าน สภาพของการทำงาน ในสิ่งที่มุ่งประสงค์ไม่  

 สิ่งที่มุ่งประสงค์  คือ การรักษาของแพทย์  ที่ต้องการรักษา ผู้ป่วยให้มีชีวิตอยู่รอด 

สิ่งที่มุ่ง ประสงค์ของช่างคือ ซ่อมสิ่งต่างๆ ที่พังชำรุดให้สามารถกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม

 สิ่งที่แตกต่าง คือ  แพทย์ ซ่อม สิ่งมีชีวิต ให้มีชีวิตที่ยืนยาว 

ยืดระยะเวลาแห่งความตายของสิ่งมีชีวิตออกไป 


แต่


ช่างซ่อมสิ่งที่มันไม่มีชีวิต ที่พังชำรุดให้สามารถกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม


 การทำงานจึงคล้ายๆกันเป็นอย่างยิ่ง   หากเราจะมองให้เห็นช่องทางของการสร้างความร่ำรวยในสายอาชีพสาขาวิชาช่าง 

เราต้องเข้าใจความเป็นไปของมนุษย์   มันจึงเป็นศาสตร์ และ ศิลป์

ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างว่า     เมื่อมีอวัยวะ ใดอวัยวะหนึ่งของร่างกายมนุษย์  เสียหาย และ ใช้การไม่ได้  แพทย์ ย่อมต้องหา อวัยวะ

มาเปลี่ยนให้กับผู้ที่ต้องการที่จะมีชีวิตรอด   ตรงนี้แพทย์ ต้องอาศัยความรู้ความสามารถ  ในการวินิจฉัย   ทั้งเซลล์  เนื้อเยื่อต่างๆ 

ว่าสามารถ เข้ากันกับผู้ป่วยได้หรือไม่   การผ่าตัด  ผู้ป่วยแข็งแรงดีหรือไม่


 โอกาสสำเร็จในการผ่าตัด มีสูงหรือไม่

 เราคงต้องยอมรับกันอยู่เองว่า ไม่มีใครไม่ตาย   ตายกันทั้งนั้นเมื่อถึงเวลา   เมื่อคนเราตาย  ทางสุดท้ายของการตาย เป็นไปได้สองทาง 

คือ ตายไปอย่างไร้ค่า  คือ  ฝัง  เผา  ตามประเพณี   ส่วนการไปอย่างมีคุณค่า คือ การไปอย่างมีประโยชน์ สูงสุด 

คือ การเอาอวัยวะ ของผู้วายชนม์  ไปอยู่ในมือของแพทย์ 


 เพื่อเอาไปใส่ให้กับผู้ป่วยที่ต้องการที่จะมีชีวิตรอด


นี่คือสิ่งเปรียบเทียบ   ไร้ค่า   กับ   มีคุณค่าสูงสุด


อวัยวะมนุษย์  ก็คือ  อะไหล่ของแพทย์    ในการซ่อมสิ่งมีชีวิตนั้นให้มีชีวิตยืดยาวออกไป

  อวัยวะมนุษย์ นั้น แพทย์ มักได้มาแบบฟรีๆ 


ด้วยความใจบุญของผู้วายชนม์ที่ต้องการสร้างกุศลด้วยสังขาร

แต่ทว่า อะไหล่เครื่องมือไฟฟ้า  ที่อยู่ตามร้านรับซื้อเศษเหล็ก  มักไม่ได้มาด้วยความง่ายดาย เช่นอวัยวะมนุษย์


เพราะ เจ้าของกิจการ รับซื้อ เศษเหล็ก  เขาย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ ของเขา 

ฉะนั้น จงอย่าเปิดเผยตัว ว่าท่าน เก่งเด็ดขาด  มิฉะนั้น  ท่านจะซื้อ ไม่ลง เพราะเขาจะขายท่านในราคา แพง

สำหรับเครื่องมือไฟฟ้านั้น  เมื่อใช้ไม่ได้แล้ว  ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักที่จะทิ้ง   หรือขายชั่งกิโล ตามร้านรับซื้อเศษเหล็ก

  นี่คือปลายทางสุดท้าย ของเครื่องมือที่มันใช้การไม่ได้  และ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ทิ้ง  เครื่องมือไฟฟ้า ภายในมีชิ้นส่วน  ต่างๆ หลายส่วน 

บางส่วนนั้น ยังไม่ชำรุด  จึงสามารถใช้งานได้  ท่านสามารถซื้อ เศษซากเครื่องมือไฟฟ้า  ตามร้านรับซื้อเศษเหล็กได้   ในราคาที่ถูก 

ท่านลองนึกดู  เครื่องมือไฟฟ้าเครื่องหนึ่งยี่ห้อ  ดีๆ แบรนด์ ดังๆ


เครื่องหนึ่งราคา หลายพัน  -  ราคาเป็นหมื่น หรือ  อาจจะหลายหมื่น  เมื่อมันพังแล้ว  มันก็คือเศษเหล็ก เท่านั้นเอง


เพราะมันใช้การไม่ได้    ท่านสามารถได้อะไหล่ราคาถูกๆ  จากร้านรับซื้อเศษเหล็ก  ที่มีอยู่ทั่วประเทศ


จงจำไว้เถิดว่า  อะไหล่ราคาถูก ไม่ได้อยู่ที่บริษัทผู้นำเข้าเครื่องมือไฟฟ้า


หากแต่อยู่ตามร้านรับซื้อเศษเหล็ก   ท่านลองคิดดู  เศษซากของเครื่องมือไฟฟ้า ถูกตีราคาขายชั่งกิโล

ในราคาวัตถุดิบกิโลละไม่ถึง 10 บาท ท่านสามารถซื้อ เศษซาก ต่างๆเหล่านั้น จากร้านรับซื้อเศษเหล็กที่มีอยู่ทั่วประเทศได้


ถูกหรือแพง แล้วแต่ศิลปะ ในการต่อรอง


บางท่านอาจถามว่า   สิ่งต่างๆที่ผู้คนมากหลายทิ้ง  มันจะใช้ได้หรือ  ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าต้องถามท่านกลับไปด้วยว่า


ท่านมีสติปัญญา  ความรู้  ความสามารถในระดับใด  ในสาขาวิชาช่าง   ที่สามารถแยกแยะ  ว่าชิ้นส่วนใดชำรุด 

หรือชิ้นส่วนใด ยังสามารถใช้งานได้   นี่ต่างหาก  คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการ  แสวงหาช่องว่างระหว่างราคา


ในการสร้างความร่ำรวย  ของท่านเอง    สังคมทุกวันนี้  ทุกคนมุ่งผลประโยชน์  ผู้คน โดยส่วนใหญ่จะรู้ ในสิ่งที่รู้ง่ายๆ ที่ไม่ลึกซึ้ง 

เช่น  ทองคำ   ทองคำคือโลหะที่มีค่า  เป็นสากล  ไม่มีใครไม่รู้จักทองคำ  หากเราเอาทองคำ

ที่เป็นทองคำชุบ  ( ทองคำปลอม ) วางไว้ที่ริมถนน  วางคู่กันกับ เฟืองเกียร์ เครื่องเจียร์ 7 นิ้ว ของ MAKITA รุ่น 9607 NB มือสอง

เปื้อนจารบี  ที่ราคาเบิกห้าง ชุดละ  พันกว่าบาท โดยวางไม่ห่างกันมากนัก  

และ เราคอยสังเกตว่า ผู้คนที่ เห็น สองสิ่งใกล้ๆกัน  เขาจะเก็บสิ่งใดไป    หรือ เก็บสิ่งใดก่อน   ระหว่าง


ทองคำ กับ เฟืองเกียร์ของเครื่องมือไฟฟ้า ที่วางอยู่คู่กัน ริมถนน 


สิ่งเปรียบเทียบดังกล่าว  ท่านจึงสามารถเก็บ ชิ้นส่วนอะไหล่ ที่อยู่ตามร้านรับซื้อเศษเหล็ก ที่เปื้อนจารบี เลอะเทอะ


คำตอบท่านรู้อยู่ในใจของท่านแล้ว  คงไม่ต้องให้ข้าพเจ้าตอบ


ผู้คนส่วนใหญ่ ใน ประชากรของประเทศ รู้จักทองคำ


  คนรู้จักชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องมือไฟฟ้ามีหรือไม่ ?  คำตอบคือ  มี


 แต่ว่ามีน้อย  กว่า คนที่รู้จักทองคำ  


 คนรู้จักชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องมือไฟฟ้า และแยกแยะได้ว่า
 ยังสามารถใช้งานได้หรือไม่   มีน้อยมาก    เมื่อเทียบกับประชากรของประเทศ

ท่านคือ      คนกลุ่มน้อยนั้น

ขอจงนำความรู้ที่ได้  จากการศึกษา หนังสือของ ข้าพเจ้า ไปช่วยกันสกัดกั้นเงินบาท ของประเทศเรา
ไม่ให้ไหลออกไป กับ ค่าอะไหล่  และ ร่ำรวย อย่างพอประมาณ ในการประกอบอาชีพ
ข้าพเจ้า  มีเงิน  มีรายได้ที่มั่นคง  เพราะข้าพเจ้า ดำเนินรอยตาม เบื้องยุคคลบาท
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
ด้วยความพอเพียง

จากใจ
 

www.phantippowertools.com